เลี้ยงลูกซึ่งไม่ใช่ลูกของเรา??

กระทู้คำถาม
ผมเป็นสมาชิกใหม่ อาจยังไม่รู้กฎระเบียบของสังคมในนี้ดี การใช้ตัวอักษรอาจไม่ถูกต้อง หรือเข้าห้องผิด ต้องขอภัยด้วยนะครับ

   เริ่มเรื่องกันดีกว่า...

        ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว(ดูนานนะครับ)ผมกะแฟน(เก่า) ได้ไปเที่ยวบ้านพี่สาวแฟน และได้เจอเด็กคนนี้วัย 6เดือน เป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งเป็นคนข้างบ้าน แฟนผมเลยไปเอามาอุ้มเล่นด้วยความที่รักเด็ก สืบทราบมาว่า แม่เด็ก(อายุ17)ได้เลิกกะพ่อเด็ก(อายุน่าจะไล่เลี่ยกัน)แล้วเอามาให้ยาย(แม่ของแม่เด็ก)เลี้ยง นานๆจะมาหาซักที ด้วยความที่เด็กน่ารัก ซึ่งตัวผมเองเป็นคนเฉยๆกับเด็ก กะหลานตัวเองยังไม่เคยคิดอุ้มชูเลย เลยไม่ได้สนใจกะเด็กคนนี้เท่าไร วันเวลาผ่านไป ได้ไปพบเด็กและเอามาเลี้ยงจนแฟนผมติด เลยขอเอามาเลี้ยงเล่น เนื่องจากยายติดเที่ยวกลางคืน(ยายน่าจะอายุประมาณ 40ต้นๆ)และชอบเอาเด็กฝากใว้กะข้างบ้าน ซึ่งแฟนผมเลยสงสารเด็ก และอีกอย่างแฟนผมก็ไม่ได้ทำงานอยู่บ้านเฉยๆ.......วันเวลาผ่านไปจากอาทิตย์ส่งคืน เปลี่ยนมาเป็นเดือน ซึ่งยายก็ส่งค่านม ค่าน้ำให้เป็นครั้งคราวที่ทางผมร้องขอค่านมไป ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ผลัดวันไปเรื่อยซึ่งทางผมก็ต้องควักเนื้อไปบ้าง(ทำไงได้ละเอามาเองนิ) ไปๆมาๆตัวผมเองเริ่มรักเด็กคนนี้ขึ้นมาบ้างละ พูดง่ายๆรักเหมือนลูกเลย ก็เลยเริ่มคุยกะแฟน ใว้เด็กเข้าเรียนอนุบาลค่อยส่งคืนยายเขาละกันรอให้เด็กรู้เรื่องและช่วยตัวเองได้ก่อน และเราค่อยไปหาบางครั้งเมื่อคิดถึง.....พอเวลาผ่านไป เด็กมีอายุได้ 2ขวบกว่าๆ ด้วยความที่ผมกะแฟนไม่เคยมีลูก เลยไม่ได้รู้พฤติกรรมของในช่วงขวบวัย ว่าต้องมีพัฒนาการอะไรบ้าง เริ่มเรียกเขาไม่หันต้องตะโกน ใช้คำว่าตะโกนนะครับหรือเคาะอะไรก็ได้เด็กถึงจะหัน หลังจากนั้นจึงได้พาไปตรวจการได้ยิน.....สรุป ผลออกมาเด็กหูตึงระดับ 4 ทั้ง2 ข้าง ผมกะแฟนน้ำตาไหลเลยร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ ทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ ก้มหน้ายอมรับและหาทางกันต่อไป ได้บอกทางญาติเด็ก(ยาย) ไม่รู้สึกตกใจอะไรเลย ได้แต่บอกว่า พี่(ยายเขาคุยกับผมและแฟนจะแทนคำว่า พี่)ก็คิดว่าน้องไม่ปกติตั้งแต่คลอดแล้ว หมอก็ให้มาตรวจเป็นระยะๆ เพราะเด็กยังเล็กตรวจไรไม่ได้มาก และยังบอกว่าน่าจะเป็นทางกรรมพันธุ์ ทางฝ่ายพ่อของเด็ก นึกในใจทำไมไม่บอกผมแต่แรก กลัวผมจะไม่เอ็นดูหรอ ....ซึ่งตลอดที่ผ่านยายเด็กมักจะพูดเสมอว่า เอาไปเป็นลูกเลยไหม ดูรักน้องเขามากเลยนะ ซึ่งทางผมเองใจอยากได้อยู่นะ แต่ติดตรงค่าใช้จ่ายเด็กเพราะเราเองก็ยังมีรายจ่ายของเราที่ต้องรับผิดชอบอยู่ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมกะแฟนไม่มีลูกเป็นของตัวเอง ก็ด้วยเหตุนี้แหละ อีกอย่างถ้าเราขอเด็กมาอย่างถูกต้อง กลัวทางยายเขาจะไม่ส่งค่าอาหาร นมหรือแพมเพิส ของเด็ก...
       ไม่เป็นไรผมเริ่มปรึกษาหมอว่าต้องทำไงบ้าง ซึ่งคุณหมอก็ดีมากกกกก แนะนำเบื้องต้นเลยให้เราไปจดทะเบียนเป็นคนพิการ เพื่อจะได้ขอสิทธิ์ทางการรักษาฟรีได้ และยังได้เครื่องช่วยฟัง(ที่เราๆเคยเห็นเห็นบที่หลังใบหู) หลังจากนั้นก็ไปติดต่อ คุณหมอก็นัดตรวจเป็นระยะๆ เดือนๆหนึ่งผมต้องหยุดงาน 3-4 ครั้งเพื่อพาน้องไปหาหมอ แฟนผมไม่กล้าไปติดต่อคนเดียว ได้พาไปฝึกพูดที่โรงพยาบาลทุกอาทิตย์ สัปดาห์ละครั้ง เจอผู้ปกครองที่เป็นแบบเดียวกันก็พูดคุยให้ข่าวสารกันว่า ไปตรวจที่ไหนมาบ้าง รักษาแบบไหนกันบ้างก็ บลาๆไป พาไปเข้าอบรมกับเด็กที่เป็นแบบเดียวกัน ได้ข้อมูลแปลกใหม่เรื่อยๆ ก็มีคนแนะนำให้ไป รพ.จุฬาเขามีโครงการผ่าตัดใส่เครื่องช่วยฟังแบบฝังในศรีษะ ผมก็ไป ก็ต้องตรวจแบบเดิมอีกเหมือนที่ รพ.แรกตรวจ ต้องไปแต่เช้าเพื่อรอคิว ซึ่งระยะหลังมานี่ ผมมักจะมากับเด็กกัน 2 คน เพราะแฟนผมขี้เกียดตื่นเช้า การที่จะเข้าโครงการได้ หลักๆที่ รพ.ต้องการคือ สุขภาพต้องแข็งแรง ไม่มีโรคแทรกซ้อน(ตัวเด็กเองมีหน้าอกผิดรูป คือบุ๋มลงไป) และต้องมีความพร้อมมากๆ ซึ่งโครงการรับแค่ 5 คน จากเด็ก 30 กว่าคน T_T ผลการที่หมอนัดตรวจแต่ละครั้ง จะต้องส่งตัวไปตรวจนู้นนี่นั้นตลอด ตามที่คุณหมอเจอสิ่งผิดปกติ ยอมรับครับว่าเหนื่อยมากกกกแต่ละครั้งไปทีไป แต่ก็เป็นข้อดีที่ได้รู้ว่าเด็กเป็นอะไรบ้าง บกพร่องอะไรบ้าง.......สรุปไม่ได้เข้าโครงการT_T....อยากทราบใช่ไหมครับว่าทำไมต้องเข้าโครงการ ทำไมไม่ซื้อใส่เองละ คำตอบคือ ราคา ค่าเครื่องสูงมากกกกก 1,000,000 บาท(หนึ่งล้านบาท/ข้าง) ใช่ครับฟังไม่ผิด.....ผ่านไป-------->คุณหมอได้ส่งตัวไปที่ รพ.รามา เพื่ออยากให้ตรวจหน้าอกที่มันยุบตัวลงไป เพราะคุณหมอที่ รพ.รามาเก่ง ในเรื่องการฝ่าตัด ตรงจุดที่เด็กเป็น เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อเด็กในอนาคตในเรื่องของระบบการหายใจ คุณหมอที่ รพ.รามา ก็นัดตรวจทุกๆเดือน สรุปก็คือรอให้น้องอายุซัก 6-7 ขวบก่อนค่อยนัดวันฝ่าตัด.......เหมือนเดิมครับผมก็มากะเด็กกัน 2คน เวลาผ่านไปเด็กเริ่มโตผมก็ต้องหาที่เรียนอีก ยังไงละทีนี้ ก็หาข้อมูลที่เขารับเด็กเรียนร่วม ผมอยากให้เด็กเข้ากับสังคมเพื่อนได้ จะได้พัฒนาให้เด็กเองอยากพูด ไม่เป็นประโยค ไม่เป็นไรขอให้ได้เป็นคำก็ยังดี หาอยู่หลายๆ ที่ บางที่ก็รับ ก็เข้าเรียนดู เรียนไป เรียนมาผมเห็นว่าเด็กไม่ค่อยได้อะไรกับการเรียนมาก คุณครูเองก็บอกว่าเข้ากับเพื่อนได้ดี ร่าเริง สนุกตามวัย แต่ถ้าผู้ปกครองจะให้มีความรู้ทางวิชาการ ควรเปลี่ยนที่เรียนจะดีกว่า ผมทำแบบนี้อยู่ 2-3 โรงเรียน อีกอย่างบางโรงเรียนที่เหมาะก็ไกลกับการเดินทาง(ผมอยู่ กทม เขตมีนบุรี) เวลาผ่านไป เรื่อยๆ สุดท้ายผมก็เลิกกะแฟน ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมไม่สนใจเขาเท่าที่ควร ไปไหนข้างนอกก็สนใจแต่เด็ก ใช่ผมไม่เถียง ผมต้องไล่จับเด็กเพราะเด็กไม่ได้ยิน  ต้องพาไปห้องน้ำ เช็ดอึ ล้างก้น ป้อนข้าว บลาๆๆ ประกอบกับแฟนได้งานทำหลังจากว่างมานาน ทำให้เจอสังคมใหม่ๆ และวันหยุดผมกะเขาก็เริ่มไม่ตรงกัน สุดท้ายผมกะเขาก็เลิกกัน(ครบกันมา 10 กว่าๆยังไม่ได้แต่ง) ผมจับได้ว่าเขามีกิ๊กกับคนที่ บ. .......เขาไล่ผม ให้ออกไปอยู่ที่อื่น รวมทั้งเอาเด็กไปด้วย เขาไม่เลี้ยงถ้าอยากเอาเด็กใว้ก็ไปอยู่กัน 2คน ...ชั่งมันคับขอผ่านตรงนี้ไป......
             ณ.ปัจจุบันน้องมีอายุ 7 ขวบ(อนุบาล2 เพราะผมมั่วแต่ไปเสียเวลา กับที่เรียนที่ไม่เหมาะกับน้องเขา) ผมดูแลเองทั้งหมด เรียนอยู่ โรงเรียนประจำที่พัทยา เกี่ยวกับการใช้ภาษามือในการสื่อสารและหัดออกเสียงเป็นคำ ค่าเทอมไม่เสียครับ โรงเรียนให้เรียนฟรี ตามแต่ผู้ปกครองจะบริจาค เพราะเป็นมูลนิธิฯ แรกๆผมไปรับทุกสัปดาห์ หลังจากที่น้องได้เลื่อนชั้น และใช้ภาษามือได้บ้าง ผมก็ไปรับสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ถามว่า ยายน้องช่วยอะไรบ้างไหม ช่วยคับเดือนละ 3000 ทวงถามยากมากแต่ละเดือน พอไหมกับการเลี้ยงดู คนที่มีลูกน่าจะเข้าใจดีนะครับ เหมือนเรื่องจะผ่านไปด้วยดี....
            แต่.......สุดท้ายผมมีแฟนใหม่ แรกๆผ่านไปด้วยดียอมรับในสิ่งที่ผมเป็น หลังจากที่เราอยู่ด้วยกัน เริ่มทะเลาะกันมากขึ้นกะเด็กคนนี้ เพราะบางครั้งที่ผมไปรับเด็กคนนี้บางครั้งผมไม่มีเวลา ต้องทำงาน ผมจะต้องไปฝากบ้านแม่แฟนเก่า ก็จะมีแม่แฟน และหลานแฟน เก่า ช่วยเลี้ยงดู เพราะเขาสงสารเด็ก ไม่อยากทดทิ้งอีกอย่างเขาช่วยผมเลี้ยงมา เขาเลยรู้ว่าเด็กเป็นยังไง ต้องการอะไร แต่แฟนเก่าไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ และไม่สนใจเด็กเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างเด็กไม่เข้าหาแฟนเก่าเลยซักนิด จะมีแต่กะผมที่เด็กเข้ามากอด มาหอมแก้ม และเข้าหาผม....กลับมาที่แฟนใหม่ผม เขาต้องการให้ผมส่งเด็กคืนไปที่ยายแท้ๆ ผมก็บอกว่าทำไม่ได้ ยายเขาไม่ส่งไปเรียนแน่ๆไกลซะขนาดนั้นไม่ใช่เป็นห่วงนะ เป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจเด็กมากกว่า และอีกอย่างเขาไม่ได้เลี้ยงดูเด็กที่ผ่านมา การที่จะเข้าใจเด็กว่าเด็กต้องการอะไร มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งผมก็ขอเขาว่าผมทิ้งไม่ได้ผมต้องเลี้ยงดู หรือถ้าเขาโตพอที่จะใช้ชีวิตช่วยหรือตัวเองได้โดยที่ไม่เป็นภาระของใครๆ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องอายุเท่าไร ผมขอแค่นี้.....เหตุผลของแฟนใหม่ก็คงเหมือนกะแฟนเก่า กลัวว่าผมจะรักเด็กมากไป จนไม่มีเวลาให้เขา และกลัวว่าผมวันที่ไปรับเด็กและเอาเด็กไปส่งให้แม่และหลานแฟนเก่าเลี้ยง กลัวผมจะเจอกับแฟนก่าและปรับความเข้าใจ คืนดีกัน ซึ่งผมบอกไปแล้วไม่มีทาง ผมรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำกับผม ต่อให้รักกันมานาน ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ผมไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก.....ทุกวันนี้แฟนใหม่โอเคระดับหนึ่งที่ให้ผมไปรับส่งได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ให้รับมานอนด้วยหรืออยู่ด้วย ซึ่งผมก็คิดว่าขอเวลาซักพักผมน่าจะละลายในส่วนที่แฟนผมรับไม่ได้ให้ยอมรับได้มากกว่านี้ ทุกวันนี้บางครั้งผมไปรับหรือส่งเด็กที่โรงเรียน เขาก็ขอไปด้วย(แฟนผมเปิดร้านเป็นของตัวเอง จะเปิด-ปิดร้านก็ตามใจฉัน)ซึ่งผมก็ไม่ได้ห้ามที่จะตามไป เพียงคิดแค่ว่าอยากให้เขาสงสารเด็ก และยอมรับมัน
                ผมพูดกับตัวเองเสมอและบอกกะแม่แฟนเก่าและหลานแฟนเก่า ว่าผมไม่มีวันทิ้งเด็กแน่นอน ต่อให้สุดท้ายแล้วผมต้องเลือกผมมีคำตอบอยู่ในใจแล้วเช่นกัน ซึ่งเขาก็พูดเสมอว่า อย่างทิ้งเด็กนะสงสาร ไม่มีใคร และเด็กก็รักผมมาก เด็กมีแค่ผม เด็กมองว่าเป็นพ่อ บางครั้งผมอึดอัด อยากคุยกับเด็ก เหมือนพ่อคุยกะลูกสื่อสาร เล่นกันในแบบคนทั่วไปทำกัน แต่ก็ทำได้แค่ภาษามือ เท่าที่ตัวผมและเด็กจะสื่อถึงกันได้แค่นั้น...............

ปล.พวกคุณมองยังไงครับกลับเรื่องนี้ มีข้อเสนอแนะหรือแนวทางกันยังไงครับ ผมบอกตามตรง ทุกวันนี้ปัญหาผม ผมไม่สารถปรึกษาใครได้เลย (พ่อ แม่ตัวเองก็เสียแล้ว พี่น้องตัวเองก็ไม่ได้ช่วยอะไร กะแฟน นี่เลิกพูดถึง.....ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
คุณเป็นคนดีมากจริงๆ เด็กเกิดมาโชคร้าย แต่เค้าโชคดีที่คุณเมตตาเค้าขนาดนี้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 59
เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับคุณเลยซักนิด  แถมยังมีความพิการอีก ทำไมต้องมารับเลี้ยงดูรับภาระ


นี่คงเป็นสิ่งที่แฟนของคุณคิด ทั้งแฟนใหม่แฟนเก่า
แต่ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้งลงไป  แฟนคุณก็เช่นเดียวกัน เป็นใครจากไหนก็ไม่รู้ที่ก้าวเข้ามาในชีวิตคุณเช่นกัน
ความผูกพัน ไม่จำเป็นต้องเป็นความผูกพันทางสายเลือดเสมอไป และความผูกพันที่ไม่ขึ้นกับสายเลือดก็มีได้หลายแบบ
ใครบางคนอาจเข้ามาในชีวิตเราได้หลายรูปแบบ  ทั้งเป็นเพื่อน เป็นแฟน คนรัก หรือแม้แต่ลูก


อ่านสิ่งที่คุณเล่ามา ทำใหผมนึกถึงอนาคตของเด็กคนนึง ที่ถ้าไม่มีคุณ ชีวิตเค้าคงไม่เหลือใคร
โอกาสในการรับความรักจากใครคงไม่มี  ความพิการบกพร่องที่มีและการไม่ได้รับการเอาใจใส่ จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อไปในอนาคต
เค้าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เช่นไร อยู่รอดในสังคมที่มีคนเห็นแก่ตัว  ตัวใครตัวมันได้อย่างไร ไม่อยากจะนึก


สิ่งที่คุณกำลังทำสำหรับผมคิดว่ามันยิ่งใหญ่มาก
เพราะมันแสดงให้เห็นความรัก ความเมตตา และโอกาสที่ใครคนนึงกำลังจะมอบอนาคตที่ดีให้กับเด็กที่ชีวิตดูจะไม่มีโอกาสเหล่านี้
ถ้าผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตคุณรับกับเรื่องนี้ไม่ได้ ผมว่าน่าจะพิจารณาที่ตัวผู้หญิงด้วยเช่นกัน ว่าเป็นเพราะความเห็นแก่ตัว หรือเพราะยังไม่รู้สึกผูกพันกับเด็ก
ผมเชื่อว่าผู้หญิงที่ดีจะมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ สามารถรับรู้และผูกพันกับเด็กซักคนได้ แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็ตาม
ยิ่งกรณีของคุณ  เด็กเข้ามาในชีวิตไม่ใช่เพราะคุณเลย เป็นเหมือนอุบัติเหตุที่เข้ามา กับความรับผิดชอบที่คุณมี รวมทั้งหัวใจ
ถ้าผู้หญิงไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ ไม่สามารถทำใจยอมรับได้  คิดแต่แง่ร้าย แบบนี้จะมีคุณสมบัติพอที่จะเข้ามาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชีวิตคุณได้หรือ


คำแนะนำผมคงมีอย่างเดียว คือช่วยเหลือเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เต็มความสามารถของคุณต่อไป เพราะคุณอาจจะเป็นคนเดียวในชีวิตของเค้า ที่จะมอบอนาคตที่ดีขึ้นให้ได้
ผมไม่รู้ว่าสถานะการเงินของคุณเป็นอย่างไร คุณจำเป็นเรื่องเงินจากย่าเด็กไหม  
แต่ถ้าคุณสามารถอุปการะเองได้ ใส่ชื่อเป็นพ่อบุญธรรมซะแต่เนิ่นๆ  อาจช่วยแก้ปัญหาและความยุ่งยากทางกฏหมายที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต
ถ้าคุณมีปัญหาในการขอรับอุปการะอย่างเป็นกิจลักษณะ เช่นปัญหาทางกฏหมาย ผมเชื่อว่าคุณมาขอความช่วยเหลือต่อใน Pantip ได้
ผมจะช่วยอีกคนนึงด้วย ทั้งออกหน้าออกแรง ติดต่อสื่อ ฯลฯ มากเท่าที่จะช่วยได้


ส่วนวันข้างหน้าผมไม่รู้หรอก ว่าคุณจะต้องเสียใจ หรือได้ภูมิใจกับความสำเร็จจากเด็กที่ช่วยดึงขึ้นมาจากหลุมดำแห่งชีวิต ถูกทิ้งขว้าง
แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเลี้ยงดูมอบความรักความเอาใจใส่ โอกาสที่จะเป็นอย่างแรกมันน้อย  ดังนั้นน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
คนทำดี วันนึงต้องได้ดี ผลดีไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องของเงินทองหรือความสำเร็จเสมอไป แต่คุณค่าทางจิตใจสำคัญที่สุด
และที่สำคัญที่สุด  คุณจะไม่ต้องมาคอยถามตัวเอง หรือต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตกับความรู้สึกว่า คุณน่าจะช่วยเด็กคนนี้ต่อไปทั้งๆ ที่คุณทำได้ แต่คุณไม่ได้ทำ
ความคิดเห็นที่ 12
มันมี 2 แง่ค่ะ
แง่ดี เราชื่นชมในความกรุณาของคุณที่มีต่อเด็ก
แต่อีกแง่นึง เราว่าคุณและแฟนเก่า คิดอะไรสั้นๆง่ายเกินไป
รักเด็กก็จุนเจือตามเหมาะสมไม่ใช่ไปรับมาเลี้ยง

การรับเด็กมาเลี้ยงไม่ใช่เล่นพ่อแม่ลูกเหมือนตอนเป็นเด็กนะคะ
ดูแฟนเก่าคุณ เลี้ยงไปซักพักเริ่มโยนภาระมาให้คุณ
แล้วก็เลิกกันไป สุดท้ายคนดีอย่างคุณ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะเอาไปคืนก็รัก ก็ห่ว
อยากเลี้ยงไว้แฟนก็ไม่โอเค เด็กก็น่าสงสารจริงค่ะ แม้แต่ญาติ ยายแท้แม่แท้ๆก็ไม่ต้องการ

เราเข้าใจแฟนคุณนะคะ คือคุณไม่มีเป้าหมายว่าจะดูแลแค่ไหน
อีกกี่เดือนกี่ปี แล้วอนาคตของเราสองคนอยู่ตรงไห
เราจะสร้างครอบครัวมั้ย ถ้าจะสร้างแล้วมีเงินพอมั้ย
เพราะคุณยังต้องเลี้ยงเด็กคนนี้อีก
ความคิดเห็นที่ 6
เรื่องของคุณทำเราร้องไห้เลย ขอเป็นกำลังใจให้มากๆค่ะ เด็กคนนี้คงเกิดมาเพื่อเป็นลูกคุณนี่แหล่ะค่ะ แต่อาจจะเกิดกับพ่อแม่ผิดคน แต่ยังโชคดี ยังได้มาเจอคุณจนได้ ขอให้ปัญหาที่มีผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆคนดีๆ ขอให้ความรักบริสุทธิ์ของคุณและลูกหล่อเลี้ยงคุณทั้งสองให้มีความสุขมากๆๆๆๆๆๆตลอดไปนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่